วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เหรียญเซียนแปะโรงสี ปี 19

เหรียญเซียนแปะโรงสี ปี 19       



           เหรียญแปะโรงสีสุดยอดเหรียญปราบเซียนที่ของเก๊ปราบเซียนมาเยอะจนคนขยาดสมัย4-5ปีที่แล้วก่อนน้ำท่วมใหญ่ปี54คุณต๋อง บางปะอินเคยขอดูเหรียญแท้จากผมเพราะเคยเห็นแต่ไม่กล้าเช่าไม่รู้ว่าเก๊แท้เป็นยังไงหลังจากวันนั้นเวลาผ่านมาจนเกือบจะสิ้นปี57คุณต๋องถึงถึงได้เหรียญแท้มาครอบครองในราคาเกือบสองหมื่นห้าคงไม่ต้องบอกว่าเหรียญแท้นั้นหายากขนาดไหน เมื่อได้มาแล้วจึงแบ่งปันให้เพื่อนได้ถ่ายรูปไว้เพื่อให้คนอื่นๆได้ศึกษากัน ประวัติของเซียนแปะไม่ต้องพูดถึงก็อบปี้กันไปมาอยู่ในเวปลองหาอ่านเอาเองแต่จุดขายที่ทำให้เหรียญนี้เป็นที่ต้องการของเหล่าบรรดาเซียนและบุคคลทั่วไปก็คือใครก็ตามถ้ามีเหรียญหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้นมาจะร่ำรวยมีเงินทองเหมือนเจ้าสัวใหญ่จริงเท็จไม่อาจทราบได้ เพราะอยากรวยคนจึงอยากได้เหรียญท่านไว้ครอบครองสบโอกาสให้คนทำเหรียญเก๊ออกมาขายกันหลายเวอร์ชั่นตั้งแต่ฝีมือพื้นๆไปจนถึงขั้นดี เมื่อก่อนเคยมีคนถามว่าดูยังไงอยากให้ลงเวปคำตอบคือยังก่อนเปิดโอกาสให้คนทำเก๊ได้ขายกันก่อนเปิดโอกาสให้เซียนพิสูจน์สายตาก่อนจนถึงวันนี้เริ่มเห็นเซียนหลายคนเอาของแท้มาลงกันแล้วความจริงเริ่มเปิดเผยในหมู่เซียน ดังนั้นสมควรที่จะมีคำเฉลยในหมู่นักสะสมเพื่อที่จะให้เกิดความกล้าตัดสินใจซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องให้เซียนการันตีอีกต่อไป เหรียญเซียนแปะนั้นเหรียญแท้เส้นสายรายละเอียดของเส้นขนแมวคมชัดอย่างรูปที่นำมาลงให้ดู แต่ถ้าเจอเหรียญสภาพใช้จะทำไง สำหรับคนเป็นดูแป๊บเดียวก็ตัดสินใจได้แค่พลิกเหรียญ เริ่มจากด้านหน้ารอยเจาะหูเหรียญจะเล็กไม่กว้างมองเห็นเนื้อเหรียญที่จะเจาะไม่หมดอยู่ พลิกด้านหลังข้างหูเหรียญขวามือเรามีเนื้อปลิ้นทุกเหรียญดังรูปสุดท้ายที่ลงให้ดูคนที่เป็นส่วนใหญ่ดูจุดนี้อย่างเดียว แต่ถ้าเอาให้ชัวร์ดูขอบเหรียญอีกที เหรียญแปะโรงสีเนื้อทองแดงรมดำสวยๆนั้นเห็นแค่รมดำก็พอจะรู้แล้วต่อให้เลี่ยมปิดขอบมาเพราะรมดำมีเอกลักษณ์รมบางผิวออกเหลืองเหลือบเขียวไม่มีดำปึ๊ด เคยมีเฮียคนหนึ่งถามว่าถ้าเจอเหรียญสึกมองไม่เห้นเส้นสายรายละเอียดรมดำหายหมดแถมเลี่ยมจับขอบมาจะดูยังไง ก็ไม่ต้องดูคือคำตอบไม่ต้องเช่าคือคำแนะนำเพราะเหรียญสวยยังทะเลาะกันเรื่องเก๊แท้แล้วเราจะไปเช่าเหรียญสึกทำไม เล่นเหรียญง่ายกว่าเล่นพระประเภทอื่นเพราะจำเอาอย่างเดียว สมัยนี้ยิ่งง่ายเพราะถ้าจำไม่ได้ก็โหลดใส่มือถือไว้ ปราชญ์โบราณเคยพูดไว้ว่าอันสิ่งที่ควรรู้'รู้แล้วบอกต่อกันไปถือว่าเป็นครูผู้ให้ความรู้และเป็นเพื่อนผู้มีน้ำใจ รู้แล้วอุบไว้แถมใส่ร้ายผู้ให้ความรู้ถือว่าทรพี'นะเจ้านาย











ตัวอย่างเหรียญสากลนิยม































ขอพร เซียนแปะ โรงสี ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ เดินเล่นตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี

ขอพร เซียนแปะ โรงสี ฆราวาสผู้เรืองเวทย์ เดินเล่นตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี

วัดศาลเจ้า เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งของเมืองปทุม ตั้งอยู่ ต.กลาง อ.เมือง  จ.ปทุมธานี มีอาณาเขตติดต่อกับวัดมะขาม เป็นที่ราบลุ่มรอมแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองเชียงราก ประวัติความเป็นมาของวัดศาลเจ้าแห่งนี้ มีคำบอกเล่าแตกต่างกันออกไป บ้างกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2330 เนื่องจากตั้งอยู่ปากคลองศาลเจ้า จึงตั้งชื่อวัดตามทำเลที่ตั้ง และได้รับพระราชทานวิสุงคาสีมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2333 แต่อีกตำนานเล่าขานกันต่อมาว่า วัดศาลเจ้า สร้างเมื่อปลายกรุงศรีอยุธยา โดยเจ้าน้อยมหาพรหม บุตรเจ้าเมืองฝ่ายเหนือ เป็นผู้มีวิชาไสยศาสตร์แก่กล้า ได้ล่องแพมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา จนมาถึงวัดมะขามในและได้พบกับพระภิกษุเชื้อสายรามัญ นาม “พระอาจารย์รุ” ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน ทั้งสองได้ทดสอบวิชากัน เจ้าน้อยมหาพรหมเกิดความเคารพเลื่อมใสในวิทยาคมของพระอาจารย์รุ จึงขอสร้างวัดและศาลขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจ แล้วตั้งชื่อว่าวัดศาลเจ้า คาดว่ามาจาก “ศาล” ที่สร้างขึ้นโดย “เจ้า”น้อยมหาพรม

ศาลานที ทองศิริ

     อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาวัดศาลเจ้าแห่งนี้คือ การมากราบขอพร “เซียนแปะ โรงสี” , “เซียนแปะกิมเคย” หรือ “เซียนแปะโง้วกิมโคย” ฆราวาสชาวจีนผู้เรืองเวทย์ โดยส่วนใหญ่นิยมมาขอพรเรื่องการเงินการงาน การทำธุรกิจการค้าให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อได้สมปรารถนาแล้วก็จะนำผลไม้ของไหวมงคลต่างๆ รวมถึงหุ่นจระเข้มาถวายเพื่อความเป็นสิริมงคล
     ประวัติของ “เซียนแปะกิมเคย” มีบันทึกไว้ว่า “ท่านเกิดที่ประเทศจีน ย้ายเข้ามาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นท่านได้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปและค้าข้าวเปลือก ต่อมาธุรกิจค้าข้าวเปลือกดีขึ้น ท่านได้ร่วมหุ้มกับโรงสีข้าวเปลือกที่ปากคลองบางโพธิ์ล่าง(ต.บางเดื่อ) และเมื่อสมรสจึงย้ายมาประกอบกิจการโรงสีไฟของตัวเองที่ปากคลองเชียงราก เยื้องกับวัดศาลเจ้า ในนามของ “โรงสีไฟทองศิริ” โอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย เปลี่ยนชื่อเป็น นายนที ทองศิริ อุปนิสัยของท่านเป็นคนโอบอ้อมอารี ชอบชี้แนะช่วยเหลือผู้อื่น  ท่านเป็นกำลังหลักสำคัญในการบูรณะศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า แม้การคมนาคมขนส่งสมัยยังลำบากมาก แต่ท่านก็ไม่ย่อท้อร่วมแรงร่วมใจกับผู้มีจิตศรัทธาบูรณะศาลจนแล้วเสร็จ ด้วยความดีของ “เถ้าแก่กิมเคย” หรือ “แปะกิมเคย” ท่านจึงเป็นที่รักเคารพและศรัทธาของชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้กำหนดวันในการจัดงานประจำปีศาลเจ้าพ่อวัดศาลเจ้า คือ วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 1 จนถึงขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 4วัน 4คืน ซึ่งชาวจีนเรียกช่วงนี้ว่า “เจียง่วย ชิวโหงว ถึง เจียง่วย ชิวโป๊ย” และถือเป็นประเพณีตลอดมา
     ด้านวิทยาคม เซียนแปะกิมเคย ท่านมีวิชาไล่ฝน ปรับเปลี่ยนดินฟ้าอากาศจากที่ฟ้ามืดครึ้มคล้ายฝนจะตกกลับกลายเป็นท้องฟ้าที่แจ่มใส เล่ากันต่อมาว่าท่านมีองค์ประทับอยู่ซึ่งคือองค์ของเจ้าพ่อวัดศาลเจ้านั้นเอง และเมื่อการคมนาคมสามารถเดินทางได้สะดวกขึ้น เซียนแปะกิมเคยมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ส่วนใหญ่จะขอให้ท่านช่วยชี้แนะเกี่ยวกับฮวงจุ้ย ทำเลที่ตั้งบ้าน ห้างร้าน บริษัท ท่านก็ช่วยชี้แนะทุกรายไปโดยไม่หวังผลตอบแทน ผู้ที่ท่านช่วยชี้แนะจะประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองเป็นที่รู้จักในวงการค้า เมื่อเวลาผ่านไปถึงวัยชราร่างกายผ่ายผอมหลังโค้งงอ แต่เซียนแปะกิมเคยก็ยังคงช่วยเหลือชี้แนะบรรดาลูกศิษย์อย่างที่เคยเป็นมา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต หลังเสร็จสิ้นพิธีศพของท่าน ครอบครัวและคณะศิษย์ได้จัดสร้างรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริง ตั้งเป็นที่สักการบูชา ณ ศาลานที ทองศิริ วัดศาลเจ้า วัตถุมงคลของเซียนแปะกิมเคย ที่ได้รับความนิยม คือ เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก สร้างปี พ.ศ. 2519 , เหรียญรูปเหมือนทรงหยดน้ำ,     ล็อคเก็ต รูปเหมือน และ ผ้ายันต์ เป็นต้น

ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า

     ตลาดริมวัดศาลเจ้าแห่งนี้มีบรรยากาศเรียบง่าย ไม่แออัด ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ เมื่อใครมาไหว้พระที่วัดศาลเจ้าหรือวัดมะขาม ก็ต้องมาฝากท้องกันที่ตลาดริมน้ำแห่งนี้ รับรองว่าถูกอกถูกใจนักชอปชิมชิลล์กันอย่างแน่นอน มีทั้งร้านขายอาหารไทยโบราณที่หาชิมได้ยาก อาทิ ห่อหมกปลาช่อนเนื้อแน่นเจ้าดัง ,ปลาตะเพียนต้มเค็ม,ปลาช่อน ปลาสลิดแดดเดียว ทอดร้อนๆ,แกงส้มมะรุมเครื่องแกงเข้มข้น,ปลาดุกย่าง สะเดา น้ำปลาหวาน,เต้าเจี้ยวหลน ปูหลน น้ำพริก ผักแกล้ม  อีกทั้งเมนูของหวาน กล้วยปิ้งร้อนๆ,ขนมข้าวแต๋นน้ำแตงโม,ขนมครกกะทิหวานมัน,ขนมบ้าบิ่น,ขนมครกใบเตย,ขนมเบื้องโบราณ และ ผักผลไม้สดจากสวน แต่ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ “กุ่ยช่ายเจ๊มล” มีให้เลือกหลากหลายไส้ ทั้งเผือก หน่อไม้ มันแกว มีทั้งแบบทอดและนึ่ง วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ใครอยากจะลองชิมก็ต้องต่อแถวเข้าคิวกันหน่อย
     ก่อนกลับแวะกราบสักการะขอพร “เจ้าพ่อวัดศาลเจ้า” ที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และให้อาหารปลาที่ “วังมัจฉา” ซึ่งนี่ก็ใกล้วันตรุษจีนแล้ว ท่านใดที่กำลังมองหาที่เที่ยวไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล แหล่งของกินอร่อยๆ เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจแบบไม่ต้องเดินทางไกล วัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ “สมาคมฯชวนชิลล์” ขอแนะนำ

 

ฝากไว้สักนิดก่อนคิดเดินทาง

·      ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้าเปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น. แต่จะมีของขายเยอะใน วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
·      สถานที่จอดรถสามารถจอดได้ทั้งที่วัดมะขาม และ วัดศาลเจ้า วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ การจราจรภายในวัดค่อนข้างหนาแน่น

ประวัติเซียนแปะโรงสี (อาจารย์โง้วกิมโคย)

ประวัติ "อาจารย์โง้วกิมโคย หรือ อาจารย์แปะโรงสี
https://i.ytimg.com/vi/h2zD7L5ApfI/maxresdefault.jpg

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
 อาจารย์เซียนแปะโรงสี เดิมชื่อ
กิมเคย แซ้โค้ว มาจากเมืองจีน ค้าขายข้าวเปลือก แถวคุ้งน้ำปทุมธานี (วัดศาลเจ้า) มีโรงสีข้าวในกิจการหลายแห่ง จนเรียกขานกันว่า เถ้าแก่กิม ต่อมาได้โอนสัญชาติเป็นคนไทย มีชื่อว่า นที ทองศิริ มีความชำนาญด้านโหราศารต์ ภูมิศาสตร์(ฮวงจุ้ย ฮวงซุ้ย) และมีความรู้ด้านดาราศาตร์การดูดาว มีวิชาอาคมแก่กล้า จนลูกศิษย์ขนานนามว่า เซียนแปะ คอยช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ร้อนต่างๆ ดูฮวงจุ้ยและฮวงซุ้ย ให้ลูกศิษย์เสมอๆ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน บุคลิค ร่างผอมสูง สุขุมเยือกเย็น ถึงเป็นคนจีนแต่ก็ชอบเคี้ยวหมากกินหมากแบบคนไทย เวลาไปช่วยดูฮวงจุ้ย ฮวงซุ้ยที่ต่างประเทศ จะต้องมีการนำตะกร้าหมากไปด้วย เสมอๆ เจ้าสัว cpได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือจึงเชิญไปฮวงจุ้ย ทำเลที่ตั้งกิจการ และขอคำชี้แนะเสมอๆ เวลาจะซื้อที่ทาง ก็ให้อาจารย์เซียนแปะ ไปตรวจให้ดูให้ตลอดทำให้กิจการเจริญรุ่งเรืองเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาจะรับพนักงานระดับ หัวหน้างานขึ้นไป ก็จะเชิญอาแปะ ไปดูลักษณให้เสมอๆ ทำให้ไดับุคลากรที่มีคุณภาพ ในการจัดการกิจการของเครือcp เจ้าสัวซีพี ศรัทธาท่านมาก จึงสร้างเหรียญรุ่นแรก
20170816_175949.png

ถวาย(ทรงหยดน้ำ) ปี18 และห้อยร่นนี้เพียงเหรียญเดียวตลอด ต่อมาเนื่องจากเหรียญนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ทางศาลเจ้าจึงขออนุญาติ สร้างเหรียญไข่ครึ่งองค์
20170816_180038.png

ในปี19 มีหลายเนื้อ ด้านหน้ารูปอาแปะ ด้านหลังรูปยันต์ฟ้าประทานพร โดยทั้ง 2 รุ่น ปลุกเสกโดยหลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทองอยู่ และเกจิในยุคนั้นอีกหลายรูปอาจารย์เซียนแปะ ได้เป็นคนทำพิธี ไคกวงเองทั้ง 2 รุ่น และผ้ายันต์ฟ้าประทานพรของท่านก็จะเสกโดย 2 พระเกจินี้ตลอด เพราะอาแปะศรัทธามาก ทำให้ของท่านเข้มขลัง มีราคาสุงทุกอย่าง #ยันต์ฟ้าประทานพรเดิมเป็นยันต์ที่สามมหาเทพ ซัมกัวไต่ตี่ ได้มีบัญชาให้เง๊กเซียน ฮ้องเต้นำมาช่วยโลกมนุษย์
20170816_162222.jpg

ผ่านเจ้าพ่อ ปึงเถ่ากงม่า มาประทับทรงอาแปะ เขียนขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ไหว้กราบไหว้บูชา เพื่อปรับฮวงจุ้ย ปรับดวงชะตา ขับไล่อาถรรพ์ต่างๆ  ...สาธุๆ...